วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สาวแบงก์ฝันอยากเป็นชาวนา!! ปลูกข้าวในบ่อคอนกรีต!!

สาวแบงก์ฝันอยากเป็นชาวนา!! ปลูกข้าวในบ่อคอนกรีต บริโภคในครัวเรือนได้ตลอดปี


เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีพนักงานสถาบันการเงินในกรุงเทพฯ มาปลูกบ้านอยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 12 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และปลูกข้าวในบ่อคอนกรีตเพื่อเก็บไว้บริโภคภายในครัวเรือนลดรายจ่าย

 จึงเดินทางไปพบ นางปองกานต์ เนตรน้อย อายุ 46 ปี พร้อมกับ นายธนยศ เนตรน้อย อายุ 47 ปี สามี กำลังช่วยกันเติมน้ำและเก็บต้นวัชพืชในบ่อคอนกรีตทรงกลม ภายในปลูกข้าวจนต้นสูงชูช่อออกรวงสีทองสวยงาม


นางปองกานต์ เปิดเผยว่า พื้นฐานดั้งเดิมของครอบครัวเป็นชาวนาที่ปลูกข้าวไว้กินและขายให้กับโรงสี แต่ด้วยทางบ้านต้องการให้มีการศึกษาที่ดี ไม่ต้องมาก้มหน้าทำนาด้วยความยากลำบาก

 จึงส่งตนเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จนกระทั่งเติบโตและมีหน้าที่การงานที่ดี เป็นพนักงานในสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่การใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่มีความเร่งรีบ ภาวะความกดดันสูง รวมถึงการบริโภคอาหารที่มีแต่สารพิษ

ทำให้ตนและคนในครอบครัวหันกลับมามองชีวิตว่าต้องการอะไร จนค้นพบว่าการมีชีวิตที่เรียบง่ายไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากนั่นคือคำตอบ

 จากนั้นจึงกลับมาปลูกบ้านพักบนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ แล้วทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทั้งปลูกมะนาว พริก มะละกอ รอบบริเวณบ้าน ขุดบ่อกักเก็บน้ำและใช้เวลาวันหยุดมาดูแล


“หลังจากที่ชาวนาต้องประสบปัญหาภัยแล้ง ไม่สามารถปลูกข้าวได้ แต่ราคาข้าวที่ชาวนาขายได้กลับตกต่ำ

 ในขณะที่ผู้บริโภคต้องซื้อข้าวขาวในราคาสูง แล้วทำไมเราไม่ลองปลูกข้าวไว้กินเองในครัวเรือนบ้างซึ่งนอกจากช่วยลดรายจ่ายแล้ว ยังสามารถกำหนดคุณภาพข้าวได้เอง

 จากนั้นก็เริ่มศึกษาวิธีการปลูกข้าว จึงตัดสินใจทดลองปลูกข้าวในบ่อคอนกรีตทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.20 เมตร จำนวน 72 บ่อ โดยใช้พันธุ์ข้าวหอมมะลิจากบุรีรัมย์” นางปองกานต์ เผย


นางปองกานต์กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนในการปลุกไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการเพาะต้นกล้าให้ได้อายุ นำลงปลูกในบ่อคอนกรีตที่เตรียมดินผสมปุ๋ยคอก

 ซึ่งใช้ต้นกล้าข้าวประมาณ 20 ต้นต่อ 1 บ่อ หรือดูที่ความเหมาะสมไม่ให้หนาแน่นเกินไปเมื่อต้นข้าวแตกกอในอนาคต

 ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มปลูกจะต้องหมั่นใส่น้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงข้าวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งข้าวออกรวงและสามารถเก็บเกี่ยวได้ใช้เวลาประมาณ 120 วัน หรือ 4 เดือน โดยข้าว 1 บ่อ ให้ผลผลิตข้าวขาว 1 กิโลกรัม


การปลูกแต่ละครั้งจะได้ข้าวขาวประมาณ 72 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคตลอดทั้งปีของครอบครัว

 ทั้งนี้จากการทดลองปลูกข้าวในบ่อคอนกรีต ข้อดี คือความสะดวกและง่ายต่อการกำจัดวัชพืช ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี สามารถควบคุมปริมาณน้ำ

 และสารอาหารได้อย่างเหมาะสม ทำให้มั่นใจได้ว่าข้าวมีคุณภาพและปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน

ที่มา https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_111813

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

" เทคนิค ปลูกผักหวานป่าอย่างไร...ให้รอด"

" เทคนิค ปลูกผักหวานป่าอย่างไร...ให้รอด"


 เคยได้ยินมาว่า ปลูกต้นผักหวานป่าให้รอดนั้นไม่ง่าย แต่ถ้ารอดแล้วก็อยู่ยาวเป็น10 ปีเลยทีเดียว 
ว่าแล้ว...ก็ลองปลูกต้นผักหวานป่าบ้างดีกว่า อยากรู้ว่ามันจะยากเหมือนที่เคยได้ยินมามั้ย... 


เราเริ่มต้นปลูกผักหวานป่า จำนวนทั้งหมด 100 ต้น กะว่าเหลือซัก 50 ต้น ก็นับว่าใช้ได้แล้วสำหรับเรา. แต่...ผลปรากฏว่าเกินความคาดหมาย คือ ตายไปแค่ 8 ต้น,เหลือรอด 92 ต้น... รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยโมเมเอาเองว่า วิธีนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็น " เทคนิคอย่างหนี่งที่ปลูกต้นผักหวานป่า ให้รอดตาย "ได้เช่นกัน.


  ก็อยากแบ่งปันประสบการณ์นี้แก่เพื่อนๆที่คิดจะปลูกผักหวานป่า ลองทำแบบเราดู แล้วท่านจะพบว่าไม่ยากอย่างที่คิด... 

 " เทคนิคปลูกต้นผักหวานป่า แบบสวนเกษตรอินทรีย์บ้านสันคู " มีดังนี้... 


 1. เลือกใช้ต้นพันธุ์จากการเพาะเมล็ดมาปลูก จะให้ผลผลิตดีและอายุยืนกว่า แบบกิ่งตอน 

 2. ปลูกพืชพี่เลี้ยงไว้ก่อนที่จะปลูกต้นผักหวานป่า เช่น ต้นมะขามเทศ,ชะอม,,โสน,กระถิน,ต้นแค ฯลฯ พืชที่กล่าวมานี้จัดเป็นพืชตระกูลถั่วทั้งหมด เลือกปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือจะหลายอย่างก็ได้... สำหรับเราเลือกใช้ต้นแค ซึ่งปลูกไปพร้อมๆกับต้นผักหวาน และต้นมะขามเทศ (ต้นมะขามเทศนี่ ปลูกล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว)  เป็นพืชพี่เลี้ยง

3.เลือกทิศทางที่จะปลูกให้เหมาะสมตามสภาพของแสงแดด ต้นผักหวานป่านั้นไม่ชอบแดด ชอบอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ มีแสงรำไร

4.ระยะห่าง ระหว่างต้นและระหว่างแถว ~  2 x 2 เมตร

5.ขุดหลุมปลูก กว้าง และ ลึก เท่ากับขนาดของถุงต้นพันธ์ุ แล้วผสมปุ๋ยคอก( 2-3 กำมือ/ต้น) กับดิน ใส่รองก้นหลุมไว้

.... หรือจะเจาะรูก้นตะกร้าแบบนี้ก็ได้เพื่อเป็นการปกป้องลมและแสงแดดได้อีกระดับหนึ่ง เพราะ ต้นผ้กหวานอายุ 6เดือนนั้นยังไม่แข็งแรงมากนัก


8.ให้น้ำ 1 ครั้ง /สป. หรือ ดูตามสภาพอากาศ ,ส่วนปุ๋ยคอกให้เดือนละ 1 ครั้ง -ทางดิน และให้น้ำขี้หมู 1 ครั้ง/สป.-ทางใบ ด้วยจะดีมาก
 จากผลการทดลองปลูกผักหวานป่าของเราพบว่า ....

   1) ต้นผักหวานที่่ตายไป 8 ต้นนั้นเกิดจากรากหักตอนแกะถุงปลูก... ข้อเสนอแนะ ควรซื้อต้นพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่านี้มาปลูกคือเริ่มมีใบ 3-4 ใบก็พอเพราะรากแก้วยังไม่ยาวมากเหมือนต้นที่โตๆ ทำให้เวลาแกะถุงปลูกรากไม่ขาด  

   2) ต้นผักหวานเจริญเติบโตช้ามากในช่วงแรก เพราะเนื่องจากความเข้าใจผิดคิดว่าต้นผักหวานป่า ไม่ชอบน้ำ ชอบแบบแล้งๆไม่จำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่ก็ได้... 

ข้อเสนอแนะ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า ต้นผักหวานป่านั้น ถึงแม้จะทนแล้งได้ดี แต่ถ้าเราดูแลเหมือนปลูกพืชทั่วๆไป แค่นี้ต้นผักหวานก็จะเจริญเติบโตได้ดีกว่านี้แน่นอน   

 ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคการปลูกและการดูแลผักหวานป่าแบบที่ไม่ยากเลย...สำหรับวิธีการปลูกแบบนี้ได้รับการชี้แนะมาจากคุณลุงคนขายต้นพันธุ์ผักหวานป่า ทางสวนเกษตรอินทรีย์บ้านสันคูต้องขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย ...
  
  ...ติดตาม " การเจริญเติบโต ต้นผ้กหวานป่า " ของเรา ได้ที่นี่ : คลิกที่นี่

http://baansunkoo-organic.over-blog.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C.html

Cr. http://www.lovenayou.com/5686/

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่? ใครควรดื่มและไม่ควรดื่ม!!

ดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่? ใครควรดื่มและไม่ควรดื่ม!!


ดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่? ใครควรดื่มและไม่ควรดื่ม!!

คนแบบนี้ควรดื่มน้ำมะพร้าวดีต่อสุขภาพ !!

1. นักกีฬา น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มเกรือแร่ที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬา เพราะมีทั้งโพแทสเซียมที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที นัก กีฬาที่ปล่อยพลังเกินร้อยจนล้า จะสดใสขึ้นทันตาเห็น 

2. คนท้องเสีย เวลาท้องเสียร่างกายจะต้องเสียเกลือแร่ไปด้วย จนบางคนถึงกับช็อกไปก็มี แต่น้ำมะพร้าวช่วยชดเชยเกลือแร่ให้เราได้ ที่สำคัญไม่มีน้ำตาลขัดสีที่เป็น อันตรายต่อสุขภาพด้วย 

3. วัยรุ่น น้ำมะพร้าวมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองอยู่หลายชนิด วัยรุ่นวัยเรียนที่ดื่มเป็นประจำจะทำให้ควมจำดี ช่วยให้ผิวแข็งแรง ป้องกันสิวได้เด็ดนัก

4. คนที่มีอาการความดันต่ำ ที่คุณหน้ามืดบ่อยๆก็เพราะเลือดน้อยแต่โพแทสเซียมในน้ำมะพร้าวจะเข้าไปบำรุง และเพิ่มการสร้างเม็ดเลือด ระดับความดันจะเพิ่มขึ้นเป็น ปกติ 

5. คนเป็นไข้หวัดตัวร้อน หรือไข้ติดเชื้อ เวลามีไข้ไม่ได้ น้ำมะพร้าวคือคำตอบ เพราะมะพร้าวมีฤทธิ์เย็นช่วยลดไข้ได้ดี และยังมีกรดลอริกที่เป็นยาฆ่าเชื้อ ดื่มแล้ว อาการติดเชื้อทั้งหลายจะดีขึ้น 

คนที่ต้องเลี่ยงน้ำมะพร้าว เพราะมันเกิดผลลบมากกว่า ..

คนเป็นโรคไตเสื่อม น้ำมะพร้าวจะไปกระตุ้นการขับปัสสาวะ ถ้าร่างกายขาดน้ำ คนที่เป็นโรคไตอาจจะหัวใจวายได้เรื่องนี้จำเป็นต้องรู้ ถ้าจะให้ดีคนที่เป็นโรคนี้ควรระวัง 

คนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถ้าร่างกายได้รับโพแทสเซียมมากเกินไป อาจสร้างปัญหาให้หัวใจเราได้ สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ควรลีกเหลี่ยงการดื่มน้ำมะพร้าวค่ะ 


ที่มา...lacaverne.info

เผย 15 ต้นไม้มงคล ที่ควรปลูกไว้ในบ้านเสริมบารมี!!

เผย 15 ต้นไม้มงคล ที่ควรปลูกไว้ในบ้านเสริมบารมี เงินทองไหลมาเทมาเลยจ้า


15 ต้นไม้มงคล..ที่ควรปลูกไว้ในบ้านเสริมบารมี เงินทองไหลมาเทมาเลยจ้า

การปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะประดับเพื่อความสวยงาม ให้ร่มเงาความร่มรื่น หรือนำผลนำดอกมาทาน มาปรุงอาหารก็ได้ 

ที่สำคัญยังมีต้นไม้บางชนิดที่ตามความเชื่ออย่างไทยโบราณที่บอกต่อกันมาช้านาน

 ในเรื่องช่วยเสริมสิริมงคลให้บ้านหลังนั้นและบุคคลที่อาศัยอยู่ด้วย ใครที่ชื่นชอบเรื่องต้นไม้ และบ้านไหนที่กำลังมองหาต้นไม้ปลูกไว้ประดับบ้าน เชิญทางนี้ค่ะ

 วันนี้เอาใจคนรักต้นไม้ ด้วยข้อมูล 15 ต้นไม้มงคล ..ที่ควรปลูกไว้ในบ้าน มาฝาก ต้นอะไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ

1. ต้นมะยม

ด้วยชื่อ "มะยม" ตามความเชื่อโบราณเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้ายหรือเป็นศัตรูนั่นเอง และหากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันวิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ด้วย


2. ต้นกวนอิม

คนไทยให้ความเคารพบูชากันทั่วไป เชื่อกันว่าต้นกวนอิมเงินกวนอิมทอง เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และมักจะใช้ต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้ มาประกอบในพิธีบูชาเทพเจ้าเชื่อกันว่า เมื่อปลูกกวนอิมในบ้านจะเกิดเป็นสิริมงคล ให้มีฐานะดี มีความร่ำรวยยิ่งขึ้น 


3. ต้นกระดังงา

ด้วยชื่อที่เป็นมงคล เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระดังงา ทำให้คนในบ้านมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตา มีเงินทอง มีลาภยศ 
– ควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว

4. ต้นมะม่วง

นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย
– ควรปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้าน

5. ต้นโกศล

ชื่อโกศล พ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดีช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข โกศล เป็นไม้ยืนต้นที่ได้รับความนิยมมาก ใบมีสีสันสวยสด ความหมายดี โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด ปลูกเพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใดๆ 
– แนะนำให้ปลูกต้นโกศลในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น

6. ต้นขนุน

การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้ 
– การปลูกควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด ผู้ที่ปลูกควรเป็นหัวหน้าครอบครัวและควรปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี

7. ต้นมะขาม

ปลูกเพื่อต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามน่ายำเกรง และทำให้ผู้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ การทะเลาเบาะแว้ง และวิญญาณภูตผีปีศาจ
– แนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก 

8. ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน

ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย เด่นที่ดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามเป็นพวงระย้าสวยงาม เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว
– ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน

9. ต้นกล้วย

คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันอย่างแพร่หลาย สามารถนำส่วนต่างๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว ทั้งยังมีความเชื่อว่าจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นเอง 
– ปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน

10. ต้นไผ่

เป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อว่า กอไผ่จะทำให้คนในครอบครัวเกิดความปรองดอง สามัคคี ไม่แตกแตก รักใคร่กัน และไผ่ยังเป็นต้นไม้ ที่อ่อนตามลม จะทำให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า "มั่งมีศรีสุข" นั่นเอง และตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ 
– ควรปลูกต้นไผ่ไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า 

11. ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน

เชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภ ถือเป็นดอกไม้เสี่ยงทายหากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย 
– ตามตำราแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี

12. ต้นแก้ว

มีจุดเด่นดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจมาก นิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า "แก้ว" หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ และมีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจนั่นเอง
– แนะนำให้ปลูกในวันพุธ และปลูกไว้ทางทิศตะวันออก 


13. ต้นเข็ม

ดอกเข็ม ซึ่งใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม และการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านเชื่อกันว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบเอาตัวรอดได้ดี 
– ให้คนที่กำลังศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ 

14. ต้นบานไม่รู้โรย

ชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยและคู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนานๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไป
– ควรปลูกในวันพุธ

15. ต้นโป๊ยเซียน

เชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ จะทำให้ครอบครัวสงบสุข และเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญรุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ

– นิยมให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และควรปลูกในวันพุธ ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลมากที่สุด

สำหรับใครที่อยากจะหาต้นไม้มาปลูกประดับบ้าน ตอนนี้คงพอจะนึกออกแล้วนะคะ ว่าจะเลือกต้นไม้ชนิดไหนมาปลูกดี ถ้าหากต้องการเสริมศิริมงคลตามความเชื่อแบบไทยโบราณ

 ลองเลือกต้นไม้ที่เรานำมาฝากกันไปปลูกที่บ้านคัณ คุณจะได้ใช้ประโยชน์จากต้นไม้ ให้ร่มเงา ความสวยงามน่าชม แล้วยังเสริมดวง เป็นศิริมงคลอีกด้วย
     
ข้อมูลจาก http://home.kapook.com/view44266.html

Cr. http://www.share-si.com/2016/11/15.html?m=1

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีการปลูกใบเตย การปลูกเตยหอม

วิธีการปลูกใบเตย


การปลูกเตยหอมนั้นเราจะต้องมีพื้นที่จะเพาะปลูก ต้องใกล้น้ำค่อนข้างแฉะ มีน้ำหมุนเวียนตลอดปี มีร่มเงารำไรให้ต้นเตยไม่โดนแสงแดดโดยตรง หรือตามร่องสวน ตามชายบ่อน้ำ

 ส่วนการปลูกในพื้นนามีการเตรียมดินคล้ายกับการทำนาแต่ทำเพียงครั้งเดียวก่อนปลูกเพื่อให้พื้นที่เรียบ ระบบน้ำดูแลง่าย

 ส่วนทางเดินเข้าเก็บเกี่ยวเตยหอมขึ้นอยู่ตามความสะดวกสบายที่ผู้ปลูกต้องจัดการและวางแผนเอง ตามความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกและขนาดพื้นที่

 ก่อนปลูกต้องเปิดน้ำเข้าแปลงประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือประมาณ 15 เซนติเมตร จากนั้นเตรียมต้นพันธุ์เตยหอมที่แข็งแรงที่มีรากปักลงในแปลง

 โดยทำเหมือนการดำนา จากนั้นดูแลระบบถ่ายเทน้ำดูแลไม่ให้ต้นที่ปักดำลอยขึ้นมา ทิ้งไว้ 3 เดือน จึงเพิ่มปริมาณน้ำขึ้น หลังจากปลูก 6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้

 การเก็บเกี่ยวใช้มีดตัดยอด อย่าเสียดายยอด การตัดยอด 1 ยอด ทำให้เกิดยอดใหม่มากมาย โดยเฉลี่ยตัดไป 1 ยอด จะได้ยอดใหม่ 3-5 ยอด 

 ทั้งนี้ การดูแลบำรุงรักษาต้นเตยหอมนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก เพียงแต่เกษตรกรจำเป็นต้องเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ มีการปรับพื้นที่ให้โล่ง

 ไม่มีวัชพืชขึ้นปกคลุมต้นเตยหอม เพราะจะทำให้ใบเตยหอม หรือต้นเจริญเติบโตช้า และใบไม่สวย ควรจะใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก บำรุงต้น และใบบ้าง เพื่อให้ต้นเตยหอม มีความอุดมสมบูรณ์

สำหรับใบเตยหอม ที่ส่งขายไปยังท้องตลาด ก็สามารถจะนำไปประกอบอาหารคาว หวาน ได้ตามความต้องการ

 นอกจากนี้ก็ยังไปประกอบร่วมกับดอกไม้ในการไหว้พระ ซึ่งในตลาดมีความต้องการใบเตยหอมเป็นอย่างมาก

Cr. http://farmkaset.blogspot.com/2013/07/blog-post_6545.html

เพาะถั่วงอกคอนโดขาย พื้นที่จำกัดก็ทำเป็นอาชีพได้!!

เพาะถั่วงอกคอนโดขาย พื้นที่จำกัดก็ทำเป็นอาชีพได้!!



หากถามว่า ผักอะไรเอ่ย? ที่ใช้เวลาในเวลาการเพาะปลูกน้อยที่สุด หลายๆคนคงตอบได้อย่างทันทีเลยว่า"ถั่วงอก" วันนี้เหมียววดีจะมาแนะนำอาชีพเสริมจากการเกษตรแบบง่ายๆที่สร้างรายได้ให้กับเราอย่างไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นก็คือ "การเพาะถั่วงอกขาย" ถั่วงอกเกิดจากการเพาะเมล็ดถั่ว

 ซึ่งสามารถเพาะได้จากถั่วหลายชนิด แต่เมล็ดถั่วเขียวจะเป็นที่นิยมที่สุด ถั่วงอกถือว่าเป็นผักที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงทั้งโปรตีนและเกลือแร่ เวลาที่ใช้ในการเพาะถั่วงอกนั้นก็แสนสั้นใช้เวลาเพียง 3-4 วัน 

และที่สำคัญถั่วงอกเป็นผักที่ยังมีความต้องการในตลาดสูง เพราะในการปรุงอาหารทั้งไทย จีน อาหารพื้นบ้าน อาหารเจและมังสวิรัต ก็ยังใช้ถั่วงอกเป็นส่วนประกอบหรือเป็นเครื่องเคียง

 การเพาะถั่วงอกเพื่อขายนั้น จึงถือว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่น่าสนใจและยังคงมาแรงถึงยุคปัจจุบันเลยทีเดียว เหมียววดีจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้ถึงวิธีทำเงินจากการเพาะถั่วงอกเพื่อขายไว้เป็นทางเลือกของอาชีพเสริมกันค่ะ

วิธีการเพาะถั่วงอกเพื่อขาย
การเพราะถั่วงอก มีหลากหลายวิธี เช่น เพาะในทราย เพาะในขวดน้ำ หรือเพาะในหม้อดิน และอีกหลายวิธี แต่วันนี้ เหมียววดี มีวิธีการเพาะถั่วงอกเพื่อขาย ที่เหมาะกับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด

 แต่จะได้ปริมาณถั่วงอกที่มาก ด้วยวิธีการง่ายๆเหมาะผู้เริ่มต้นกับการเกษตรเชิงสร้างสรรค์ นั่นก็คือ "การเพาะถั่วงอกคอนโด" เราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอุปกรณ์อะไรและมีวิธีการเพาะถั่วงอกคอนโดอย่างไร

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเพาะถั่วงอกคอนโด
1. ถังขนาด 30 ลิตร มีฝาปิดและทึบแสง นำมาเจาะรูที่ก้นถังให้ทั่วเพื่อระบายน้ำที่รดถั่วงอก

2. ผ้ากระสอบ ตัดเป็นวงกลมเท่ากับขนาดก้นถัง จำนวน 7 ผืน

3. ตะแกรงปิ้งปลา ให้นำมาดัดขาให้สูง 1 นิ้ว จะใช้วางที่ก้นถัง เพื่อให้ถั่วงอกคอนโดชั้นแรกหยั่งรากได้

4. ตะแกรงไนล่อน หรือตาข่ายพลาสติก ต้องมีรูเล็กกว่าเมล็ดถั่ว นำมาตัดเป็นวงกลมให้เท่ากับขนาดก้นถัง จำนวน 5 ใบ

5. เมล็ดถั่วเขียว ครึ่งกิโลกรัม นำมาคัดเมล็ดลีบเสียทิ้งไป แล้วแช่เมล็ดถั่วในน้ำอุ่น อัตราส่วน น้ำร้อน:น้ำเย็น 1:1 นาน 4 ชั่วโมง ถ้าแช่ในน้ำธรรมดา นาน 8 ชั่วโมง เมื่อครบชั่วโมงให้นำมาล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นไปเริ่มวิธีการเพาะถั่วงอกคอนโดกันเลยค่ะ

ขั้นตอนการเพราะถั่วงอกคอนโด
ก่อนอื่นเราต้องลวกอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคก่อนนะคะ จากนั้นก็เริ่มขั้นตอนการเพาะถั่วงอกคอนโดได้เลยค่ะ

1. วางตะแกรงปิ้งปลาลงที่ก้นถัง แล้ววางทับด้วยผ้ากระสอบ 1 ผืน วางตะแกรงไนล่อน 1 ใบ ทับบนผ้ากระสอบ

2. วางเมล็ดถั่วส่วนลงบนตะแกรงไนล่อน เกลี่ยให้ทั่วตะแกรง เทคนิคคืออย่าวางเมล็ดถั่วซ้อนกัน ถั่วงอกจะได้งอกสมบูรณ์และอวบน่ารับประทาน

3. ทำเช่นเดียวกันจนครบทั้ง 5 ชั้น ปิดทับถั่วเขียวชั้นบนสุดด้วยผ้ากระสอบ 2 ผืน ใช้ฝักบัวรดน้ำให้ชุ่ม แล้วปิดฝาถัง

4. ใช้ฝักบัวรดน้ำทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ละครั้งให้สังเกตน้ำที่ระบายออกมาจากรูก้นถัง หากยังมีอุณหภูมิสูง ให้รดน้ำต่อไปจนกระทั่งน้ำมีอุณหภูมิปกติ ทำเช่นนี้ 2 คืน 3 วัน

5. เมื่อครบ 3 วัน ให้เตรียมกะละมังใส่น้ำ ยกแผงของถั่วงอกออกมาจากถัง แล้วจะเห็นว่าต้นถั่วงอกจะอยู่ด้านบนของตะแกรงไนล่อนค่ะ ส่วนรากถั่วงอกจะทะลุผ่านผ้ากระสอบ ให้ใช้มีดปาดที่โคนต้นถั่วงอกด้านที่ติดกับตะแกรงไนล่อนลงสู่กะละมัง ล้างถั่วงอกที่ตัดรากแล้วให้สะอาด ถั่วงอกก็พร้อมที่จะนำไปบรรจุถุงเพื่อเตรียมจำหน่ายต่อไป เป็นอันเสร็จขึ้นตอนการเพาะถั่วงอกคอนโดแล้วค่ะ

ช่องทางการขาย
ช่องทางทำเงินจากการขายถั่วงอกคอนโดนั้น มีทั้งในตลาดขนาดเล็ก เช่น ตลาดในหมู่บ้าน ในชุมชน หรือถ้าทำเป็นธุรกิจหลัก ก็สามารถติดต่อกับตลาดค้าส่งผักได้อีกด้วย ถั่วงอกคอนโดยังสามารถทำกลยุทธ์ทางการตลาดได้ ด้วยการบรรจุหีบห่อที่สวยงาม แล้วพิมพ์ข้างถุงได้เลยค่ะว่าเป็นถั่วงอกคอนโดปลอดสารเคมี อุปกรณ์ที่เราใช้ในการเพาะถั่วงอกครั้งแรกทั้งหมดก็สามารถใช้ซ้ำและมีอายุยาวนาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการเก็บรักษา จึงถือว่าประหยัดต้นทุนมากค่ะ

สรุป
การเพาะถั่วงอกคอนโดนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ เพราะไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆในการเพาะปลูกเลย สบายใจทั้งผู้ผลิตและผู้รับประทาน

 การลงทุนก็เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว ซื้ออุปกรณ์ในช่วงเริ่มแรก จากนั้นก็สามารถใช้อุปกรณ์เดิมในการเพาะถั่วงอกได้ในครั้งต่อๆไป ทำให้ประหยัดต้นทุนได้มากเลยค่ะ

 หรือจะเพราะถั่วงอกเพื่อกินเองในครอบครัว ก็ยิ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย มีเงินเหลือเก็บเหลือออมไว้ลงทุนด้านอื่นๆ ยังไงเพื่อนๆก็ลองพิจารณาการเพาะถั่วงอกคอนโดเพื่อขายเผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาชีพเสริมกันดูนะคะ

จาก careermakemoney.blogspot.com

http://www.farmkaset.org/html5/contents.aspx?con_id=02147

Cr. http://farmkaset.blogspot.com/2015/04/blog-post_43.html