ตื่นขึ้นมาแล้วทำซะ!! 17 ท่าโยคะ ยืดเส้น บริหารกล้ามเนื้อหลักในร่างกาย
http://health.campus-star.com/general/2753.html
รวมท่าโยคะยืดเส้น บริหารกล้ามเนื้อส่วนหลักๆ ในร่างกาย อาทิ ขา แขน ลำตัว ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าๆ น้องๆ ชางแคมปัสฯ ควรทำนะคะ ชวนคุณพ่อคุณแม่ คนในครอบครัวทำพร้อมๆ กันก็ได้ค่ะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
ชีวิตดี๊ดีกินเพื่ออยู่..
วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ประโยชน์ดีๆ..จากการดื่มน้ำอุ่น ที่คุณต้องทึ่ง!!
ประโยชน์ดีๆ..จากการดื่มน้ำอุ่น ที่คุณต้องทึ่ง!!
เป็นที่รู้กันดีว่า การดื่มน้ำสะอาดเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างหนึ่งเพราะนำมีประโยชน์และความจำเป้นต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากความเสื่อมโทรม ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเช่นบ้านเรานี้ ทำให้หลายๆ คนมักจะชอบดื่มน้ำเย็นๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่น บางคนถึงขนาดว่าติดน้ำเย็น น้ำไม่เย็นดิ่มไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วที่หลายคนยังไม่รู้ว่า การดื่มน้ำอุ่นนั้นมีประโยชน์ได้มากกว่า
น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดไปหล่อเลี้ยงตามเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ดี ส่งผลให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้ร่างกายเราจึงแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ดังนั้นเรามาดูกันค่อ ดื่มน้ำอุ่นมีประโยชน์ดีๆ อย่างไรบ้าง
1. ป้องกันอาการบวมน้ำ
การดื่มน้ำอุ่มอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างการ และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารและขยายหลอดเลือด จึงช่วยป้องกันอาการบวมน้ำ รวมถึงความอ้วนจากไขมันสะสมด้วย
2. ลดความรู้สึกอยากอาหาร
การดื่มน้ำอุ่น จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอบอุ่นที่เยื่อเมือกในช่องปาก เพื่อความเร็วในการไหลเวียนเลือดไปยังกระเพราะอาหาก ซึ่งจะส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าอิ่มเร็วขึ้น ส่งผลให้ลดการกินอาหารเกินกว่าจำเป็นได้
3. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย ท้องผูก ดื่มน้ำอุ่นช่วยได้ โดยในตอนเช้าหลังตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว โดยที่ยังไม่ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกาเบาๆ ที่บริเวณท้อง จะเป็นการลดแก๊สในกระเพราะอาหาร และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพราะอาหารและลำไส้เล็ก ให้ทำงานเป็นปกติได้อีกด้วย
4. ช่วยให้เราดูอ่อนกว่าวัย
ดื่มน้ำอุ่นช่วยลดปัญหาผิวหน้าได้ เช่น สิว ริ้วรอยแห่งวัย จุดด่างดำ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างสิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังของเราด้วย สาเหตุเป็นเพราะน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ระบบต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานเป็นปกติ และระบบฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกายของเราให้ทำงานเป็นปกติขึ้น เราจึงมีผิวพรรณที่ดีทั้งผิวหน้าและผิวกาย
5.ฟื้นฟูผวแห้งและบอบบาง
น้ำอุ่นจะช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น ทำให้เอนไซต์ภายในเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า และยับยั้งการสร้างเม็ดสีตัวการของผิวหมองคล้ำได้อีกด้วย
6. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
การดื่มน้ำอุ่นๆ จะช่วยป้องกันอาการเลือดข้นกว่าปกติ ช่วยให้ร่างกายไม่สะสมเชื้อโรคไวรสและแบคทีเรีย และยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่เป็นส่วนสำคัญของภูมิชีวิต ทำให้ร่างกายแข็งแรงป่วยยากขึ้น
7. ช่วยล้างพิษในร่างกาย
น้ำอุ่นล้างสารพิษของเสียออกจากร่างกาย ที่ไหลเวียนอยู่ตามอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น ปอด ตับ ไต และสำไส้ โดยที่น้ำอุ่นจะช่วยขับถ่ายของเสียเหล่านั้นออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ ขี้มูก ขี้ตา และเหงื่อไคล เป็นต้น ร่างกายของเราก็จะสะอาดจากภายใน ซึ่งเราสามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ง่ายๆ ก็คือ การที่ร่างกายไม่มีกลิ่นตัวตามข้อพับ ไม่มีกลิ่นปาก มีแววตาสดใส เป็นต้น
8. ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
อาการปวดประจำเดือนของผู้หญิง มีอาการมากน้อยแตกต่างกันไป บางครั้งเจ็บมากจนทำให้รู้สึกไม่มีแรง และไม่อยากขยับตัวทำอะไร ควรดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น น้ำอุ่นจะช่วยคลายการรีบรัดของกล้ามเนื้อท้อง อีกทั้งยังช่วยกระต้นให้เลือดลมไหลเวียนเป็นปกติอีกด้วย และควรจิบดื่มทั้งวันจะเป็นการดียิ่งขึ้น
9. ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
น้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในเซลล์ผิวหลังทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลให้เรามีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก ลดปัญหาเรื่องหนังศีรษะแห่ง อีกทั้งยังช่วยแก้อาการมือเท้าเย็น เมื่อร่างกายเย็น อวัยวะภายในจะเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ซึ่งน้ำอุ่นจะมาช่วยเพิ่มอุณหภูมิและปรับสมดุลความเย็น ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างการกลับคืนสู่ภาวะปกติ
10. ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดื่มน้ำอุ่นจะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการคิดอ่านของสมองได้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า น้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และก็จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปล่าขึ้น สมองไม่ล้า สมารถลุยกับงานที่ยุ่งยากต่างๆ ได้
11. ช่วยลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
เมื่อเป็นไข้ ไอ และเจ็บคอ อาการเจ็บคอเกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียในบริเวณทางเดินหายใจ โดยที่บางครั้งจะมีอาหารไอร่วมด้วย แต่เราสามารถลดการสะสมเชื้อโรคเหล่านี้ได้ด้วยวิธีง่าย ด้วยการจิบน้ำอุ่นให้ได้ทั้งวัน หรือจะบีบมะนาวลงไปผสมซักหน่อยก็จะช่วยให้หายเร็วได้มากขึ้น
12. ช่วยให้การออกลำลังกายเห็นผลดียิ่งขึ้น
น้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพื่อลดการบาดเจ็บของข้อต่อ และกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย ทำให้เราไม่มีกล้ามเนื้อตึง หดเกร็ง หรือเป็นตะคริว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับระบบประสาทและสมองอีกด้วย เราจึงรู้สึกสดชื่น แจ่มใสมากขึ้น โดยการดื่มน้ำอุ่นตลอดวันโดยเฉพาะ หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว
ประโยชน์ของน้ำอุ่นมีมากมาย มากกว่าที่เราหลายคนเคยได้รู้เลยทีเดียวนะคะ เมื่อรู้ข้อดีของน้ำอุ่นกันแล้ว อย่าลืมหันมาดื่มน้ำอุ่นให้มากขึ้น หากดื่มได้เป็นประจำจะยิ่งดี นอกจากนั้นเรายังสมารถเพิ่มเติมประโยชน์จากสมุนไพรต่างๆ เช่น เลมอน ขิง หรือน้ำผึ้ง ลงได้ด้วย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ในทุกวันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก kaijeaw.com , ภาพจาก Google
เป็นที่รู้กันดีว่า การดื่มน้ำสะอาดเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างหนึ่งเพราะนำมีประโยชน์และความจำเป้นต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากความเสื่อมโทรม ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเช่นบ้านเรานี้ ทำให้หลายๆ คนมักจะชอบดื่มน้ำเย็นๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่น บางคนถึงขนาดว่าติดน้ำเย็น น้ำไม่เย็นดิ่มไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วที่หลายคนยังไม่รู้ว่า การดื่มน้ำอุ่นนั้นมีประโยชน์ได้มากกว่า
น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดไปหล่อเลี้ยงตามเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ดี ส่งผลให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้ร่างกายเราจึงแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ดังนั้นเรามาดูกันค่อ ดื่มน้ำอุ่นมีประโยชน์ดีๆ อย่างไรบ้าง
1. ป้องกันอาการบวมน้ำ
การดื่มน้ำอุ่มอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างการ และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารและขยายหลอดเลือด จึงช่วยป้องกันอาการบวมน้ำ รวมถึงความอ้วนจากไขมันสะสมด้วย
2. ลดความรู้สึกอยากอาหาร
การดื่มน้ำอุ่น จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอบอุ่นที่เยื่อเมือกในช่องปาก เพื่อความเร็วในการไหลเวียนเลือดไปยังกระเพราะอาหาก ซึ่งจะส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าอิ่มเร็วขึ้น ส่งผลให้ลดการกินอาหารเกินกว่าจำเป็นได้
3. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย ท้องผูก ดื่มน้ำอุ่นช่วยได้ โดยในตอนเช้าหลังตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว โดยที่ยังไม่ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกาเบาๆ ที่บริเวณท้อง จะเป็นการลดแก๊สในกระเพราะอาหาร และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพราะอาหารและลำไส้เล็ก ให้ทำงานเป็นปกติได้อีกด้วย
4. ช่วยให้เราดูอ่อนกว่าวัย
ดื่มน้ำอุ่นช่วยลดปัญหาผิวหน้าได้ เช่น สิว ริ้วรอยแห่งวัย จุดด่างดำ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างสิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังของเราด้วย สาเหตุเป็นเพราะน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ระบบต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานเป็นปกติ และระบบฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกายของเราให้ทำงานเป็นปกติขึ้น เราจึงมีผิวพรรณที่ดีทั้งผิวหน้าและผิวกาย
5.ฟื้นฟูผวแห้งและบอบบาง
น้ำอุ่นจะช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น ทำให้เอนไซต์ภายในเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า และยับยั้งการสร้างเม็ดสีตัวการของผิวหมองคล้ำได้อีกด้วย
6. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
การดื่มน้ำอุ่นๆ จะช่วยป้องกันอาการเลือดข้นกว่าปกติ ช่วยให้ร่างกายไม่สะสมเชื้อโรคไวรสและแบคทีเรีย และยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่เป็นส่วนสำคัญของภูมิชีวิต ทำให้ร่างกายแข็งแรงป่วยยากขึ้น
7. ช่วยล้างพิษในร่างกาย
น้ำอุ่นล้างสารพิษของเสียออกจากร่างกาย ที่ไหลเวียนอยู่ตามอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น ปอด ตับ ไต และสำไส้ โดยที่น้ำอุ่นจะช่วยขับถ่ายของเสียเหล่านั้นออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ ขี้มูก ขี้ตา และเหงื่อไคล เป็นต้น ร่างกายของเราก็จะสะอาดจากภายใน ซึ่งเราสามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ง่ายๆ ก็คือ การที่ร่างกายไม่มีกลิ่นตัวตามข้อพับ ไม่มีกลิ่นปาก มีแววตาสดใส เป็นต้น
8. ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
อาการปวดประจำเดือนของผู้หญิง มีอาการมากน้อยแตกต่างกันไป บางครั้งเจ็บมากจนทำให้รู้สึกไม่มีแรง และไม่อยากขยับตัวทำอะไร ควรดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น น้ำอุ่นจะช่วยคลายการรีบรัดของกล้ามเนื้อท้อง อีกทั้งยังช่วยกระต้นให้เลือดลมไหลเวียนเป็นปกติอีกด้วย และควรจิบดื่มทั้งวันจะเป็นการดียิ่งขึ้น
9. ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
น้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในเซลล์ผิวหลังทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลให้เรามีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก ลดปัญหาเรื่องหนังศีรษะแห่ง อีกทั้งยังช่วยแก้อาการมือเท้าเย็น เมื่อร่างกายเย็น อวัยวะภายในจะเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ซึ่งน้ำอุ่นจะมาช่วยเพิ่มอุณหภูมิและปรับสมดุลความเย็น ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างการกลับคืนสู่ภาวะปกติ
10. ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดื่มน้ำอุ่นจะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการคิดอ่านของสมองได้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า น้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และก็จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปล่าขึ้น สมองไม่ล้า สมารถลุยกับงานที่ยุ่งยากต่างๆ ได้
11. ช่วยลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
เมื่อเป็นไข้ ไอ และเจ็บคอ อาการเจ็บคอเกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียในบริเวณทางเดินหายใจ โดยที่บางครั้งจะมีอาหารไอร่วมด้วย แต่เราสามารถลดการสะสมเชื้อโรคเหล่านี้ได้ด้วยวิธีง่าย ด้วยการจิบน้ำอุ่นให้ได้ทั้งวัน หรือจะบีบมะนาวลงไปผสมซักหน่อยก็จะช่วยให้หายเร็วได้มากขึ้น
12. ช่วยให้การออกลำลังกายเห็นผลดียิ่งขึ้น
น้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพื่อลดการบาดเจ็บของข้อต่อ และกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย ทำให้เราไม่มีกล้ามเนื้อตึง หดเกร็ง หรือเป็นตะคริว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับระบบประสาทและสมองอีกด้วย เราจึงรู้สึกสดชื่น แจ่มใสมากขึ้น โดยการดื่มน้ำอุ่นตลอดวันโดยเฉพาะ หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว
ประโยชน์ของน้ำอุ่นมีมากมาย มากกว่าที่เราหลายคนเคยได้รู้เลยทีเดียวนะคะ เมื่อรู้ข้อดีของน้ำอุ่นกันแล้ว อย่าลืมหันมาดื่มน้ำอุ่นให้มากขึ้น หากดื่มได้เป็นประจำจะยิ่งดี นอกจากนั้นเรายังสมารถเพิ่มเติมประโยชน์จากสมุนไพรต่างๆ เช่น เลมอน ขิง หรือน้ำผึ้ง ลงได้ด้วย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ในทุกวันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก kaijeaw.com , ภาพจาก Google
วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560
มีไว้ติดบ้าน "น้ำผึ้ง" สารพัดประโยชน์++
*** น้ำผึ้งเป็นอาหารเพียงชนิดเดียวในโลกนี้ที่ไม่เสียหรือบูดเน่า จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
*** แท้จริงแล้วน้ำผึ้งแท้ก็ คือน้ำผึ้งแท้อยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้ในที่มืดนานๆ มันจะตกผลึก ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้นำขวดน้ำผึ้งแช่ในน้ำร้อน ปล่อยให้ค่อยๆ เย็นลงจนกลายเป็นของเหลว มันก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
*** อย่านำเข้าตู้ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะจะทำลายเอ็นไซม์ในน้ำผึ้ง
*** น้ำผึ้งกับอบเชย
กล้ากล่าวได้ว่าบริษัทยาทั้งหลายไม่ชอบใจแน่ๆ การค้นพบข้อเท็จจริงของ
*** ส่วนผสมน้ำผึ้งกับอบเชยสามารถรักษาโรคได้เป็นส่วนมาก
*** น้ำผึ้งสามารถผลิตได้ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังยอมรับว่าเป็น “Ram Ban” (มีประสิทธิผลมาก) ในการรักษาโรคนานาชนิด น้ำผึ้งสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
*** ปัจจุบันวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
แม้น้ำผึ้งจะมีรสหวาน ถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นยาชนิดหนึ่ง ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ป่วยเบาหวาน
*** หนังสือ World Weekly News ของแคนาดา ประจำวันที่ 17 มกราคม 1995 ได้บอกถึงสรรพคุณของ
น้ำผึ้งกับอบเชยว่ารักษาโรคใดได้บ้าง ซึ่งเป็นผลการวิจัยของนัก
วิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกดังนี้ :-
*** 01. โรคหัวใจ
*** นำน้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยแล้วป้ายขนมปังแทนเยลลี่
และแยม ทานเป็นประจำเป็นอาหารเช้าจะช่วยลดคอเรสเตอรอลในเส้นเลือดและช่วยลดอาการหัวใจวาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ถ้ารับประทานตามที่แนะนำมานี้เป็นประจำก็จะทำให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจทุเลา
ถ้าคนปกติรับประทานเป็นประจำดังกล่าวมาก็จะทำให้ระบบหายใจ
ดีขึ้น การเต้นหัวใจแข็งแรงขึ้น ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา สถานดูแลผู้ป่วยหลายแห่งใช้วิธีนี้บำบัดคนไข้ได้ผลดี และค้นพบต่อไปอีกว่า
*** เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เส้นโลหิตแดงและโลหิตดำขาดความยืดหยุ่นและอุดตันได้ง่าย
*** น้ำผึ้งกับอบเชยสามารถฟื้นฟูเส้นโลหิตทั้งสองชนิดได้
*** 02. โรคปวดข้อปวดกระดูก (Arthritis)
ผู้ป่วยโรคปวดข้อปวดกระดูกอาจจะรับประทานเป็นประจำ
*** โดยชงน้ำผึ้ง 2 ช้อน กับผงอบเชย 1 ช้อนชาในน้ำร้อนขนาดถ้วยกาแฟทุกเช้า
และเย็นก็จะทำให้อาการปวดทรมานหายได้ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย
โคเปนฮาเกนพบว่าหมอให้คนไข้ รับประทาน
*** น้ำผึ้งขนาด2ช้อนโต๊ะกับผงอบเชยขนาดครึ่งช้อนชา ก่อนอาหารเช้า พบว่าในเวลา 1 สัปดาห์ คนไข้จำนวน 73 คนจากจำนวนทั้งหมด 200 คน ที่เข้าร่วมโครงการทดลอง
มีอาการปวดลดลง เมื่อทดลองต่อไปจนครบ 1 เดือนปรากฏว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่เดินไม่ได้สามารถเดินได้เองโดยไม่มีอาการปวดแต่อย่างใด
*** 03. โรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ (Bladder Infections)
*** ให้ใช้ผงอบเชย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงในน้ำอุ่น 1 แก้วแล้วดื่ม มันจะไปฆ่าเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
*** 04. คอเลสเตอรอล
(Cholesterol)
*** ชงน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย 3 ช้อนชาในน้ำชา ขนาด 16 ออนซ์ ให้คนไข้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงดื่ม ปรากฏว่าภาย
ในเวลา 2 ชั่วโมง ระดับคอเลสเตอ รอลลดลง 10 เปอร์เซ็นต์
ดังที่ได้กล่าวถึงคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคปวดข้อ ถ้าให้คนไข้ดื่มวันละ 3 เวลา คอเลสเตอรอลจะหายเป็นปกติได้
ตามข้อมูลที่อ่านจากนิตยสารนี้กล่าวว่าการดื่มน้ำผึ้งบริสุทธิ์
พร้อมอาหารเป็นประจำทุกวันช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
*** 05. ไข้หวัด (Colds)
สำหรับผู้ที่มีอาการทรมานจากไข้หวัดทั่วไป หรือไข้หนัก
*** ควรชงน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย ¼ ช้อน ทุกวัน เป็นเวลา 3 วัน ก็จะช่วยลดอาการไอรุนแรงและจมูกโล่ง
*** 06. อาการท้องอืด
*** ให้รับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยจะช่วยให้อาการปวดท้องทุเลา และยังช่วยลดอาการแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย
*** 07. ลมในกระเพาะ (Gas)
*** ผลการศึกษาในอินเดียและญี่ปุ่นพบว่าถ้ารับประทานน้ำผึ้งกับผงอบเชยจะช่วยลด
ลมภายในกระเพาะอาหารลงได้
*** 08. ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย (Immune System)
*** การรับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยประจำวันจะช่วยเพิ่ม
*** ภูมิคุ้มกันร่างกายให้เข้มแข็ง ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นักวิทยาศาสตร์พบว่าในน้ำผึ้ง
*** มีวิตามินหลายชนิดและธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก การรับประทานน้ำผึ้งประจำ
ยังเพิ่มเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้
*** 09. อาหารไม่ย่อย
*** โรยผงอบเชยลงบนน้ำผึ้งขนาด 2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารจะช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและช่วยให้การย่อยอาหารเมื้อหนักได้ดี
*** 10. ไข้หวัดใหญ่
*** นักวิทยาศาสตร์สเปนได้พิสูจน์น้ำผึ้งประกอบด้วยสารอาหารธรรมชาติที่ทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่
และช่วยให้ผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่
*** 11. ยาอายุวัฒน
อาหารที่มีพลังงานสูง
*** การดื่มชาที่ผสมน้ำผึ้งกับผงอบเชยเป็นประจำช่วยชะลอความชรา
*** วิธีการทำคือ ใช้น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ผงอบเชย 1 ช้อน น้ำเปล่า 3 ถ้วย แล้วนำไปต้มเหมือนชา ให้ดื่ม ¼ ถ้วยวันละ 3-4 เวลา จะช่วยให้ผิวหนัเปล่งปลั่ง
นุ่มมีน้ำมีนวล ช่วยทำให้อายุยืน อาจถึง 100 ปีให้เริ่มต้นตั้งแต่อายุราว 20 ปี
*** 12. แก้สิว
*** ผสมน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย 1 ช้อนชาให้เข้ากัน แล้วป้ายบนหัวสิวก่อนนอนแล้วล้างออกในวันรุ่งขึ้นด้วยน้ำอุ่น ถ้าปฏิบัติติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก็จะสามารถกำจัดหัวสิวได้
*** 13. ผิวหนังติดเชื้อ
*** ใช้น้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยปริมาณเท่าๆ กันทาบริเวณที่ติดเชื้อ
*** จะช่วยรักษาเรื้อนกวาง (eczema) กลากและโรคผิวหนัง
ชนิดต่างๆ ได้
*** 14. ลดน้ำหนัก
*** ดื่มน้ำผึ้งผสมผงอบเชยในน้ำร้อน ทุกๆเช้าก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงขณะท้องว่างและก่อนนอนทุกคืน ถ้าทำเป็นประจำจะช่วยลดน้ำหนัก แม้คนที่อ้วนมากๆ
*** เช่นเดียวกัน ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่กล่าวมานี้
จะช่วยไม่ให้ไขมันสะสมในร่างกาย
*** 15. โรคมะเร็ง
*** ผลการวิจัยในญี่ปุ่นและออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้พบว่า
*** ผู้ที่เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระดูกในขั้นมากๆ แล้วสามารถรักษาได้สำเร็จ ผู้ป่วยที่ได้รับความทรมานจากมะเร็งดังกล่าว
*** ควรดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมผงอบเชย 1 ช้อนชาเป็นประจำ 3 เวลา ประมาณ 1 เดือน
*** 16. แก้อาการอ่อนเพลีย (Fatigue)
*** ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าน้ำตาลในน้ำผึ้งมีประโยชน์มากในการ
เพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย ในผู้สูงวัยที่รับประทานน้าผึ้งกับผงอบเชยในปริมาณเท่าๆ กัน ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าและมีร่างกายที่ยืดหยุ่น
*** ดร. มิลตัน ที่ศึกษาเรื่องนี้ กล่าวว่า การดื่มน้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะ
ในแก้วหนึ่งแก้ว โรยด้วยผงอบเชยเป็นประจำหลังแปรงฟันและตอนบ่ายราวๆ
15.00 น. เมื่อร่างกายเริ่มล้า จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมี
ชีวิตชีวาใน 1 สัปดาห์
*** 17. ขจัดลมหายใจมีกลิ่น (Bad Breath)
*** ชาวอเมริกาใต้ ตื่นนอนตอนเช้า สิ่งที่เขาทำอันดับแรกคือ
*** กลั้วคอด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้ง 1 ช้อนชากับผงอบเชยในน้ำร้อน เพื่อให้ลมหายใจสดชื่นตลอดวัน
*** 18. สูญเสียการได้ยินกลับคืนมา (Hearing Loss)
*** การรับประทานน้ำผึ้ง และผงอบเชยผสมกันในปริมาณเท่าๆ กันเป็นประจำทุกเช้า
และก่อนนอนจะช่วยให้การได้ยินกลับมาเหมือนเดิม
*** วค.15 กันยายน 2557
อาจารย์นิพนธ์อายุ 83 ปีแล้ว ท่านดื่มเป็นประจำ สุขภาพแข็งแรงมากค่ะ วิจัยล่าสุดพบว่า ลดความดันได้ด้วย
sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1
Cr.พระสุรแสน
*** แท้จริงแล้วน้ำผึ้งแท้ก็ คือน้ำผึ้งแท้อยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้ในที่มืดนานๆ มันจะตกผลึก ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้นำขวดน้ำผึ้งแช่ในน้ำร้อน ปล่อยให้ค่อยๆ เย็นลงจนกลายเป็นของเหลว มันก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
*** อย่านำเข้าตู้ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะจะทำลายเอ็นไซม์ในน้ำผึ้ง
*** น้ำผึ้งกับอบเชย
กล้ากล่าวได้ว่าบริษัทยาทั้งหลายไม่ชอบใจแน่ๆ การค้นพบข้อเท็จจริงของ
*** ส่วนผสมน้ำผึ้งกับอบเชยสามารถรักษาโรคได้เป็นส่วนมาก
*** น้ำผึ้งสามารถผลิตได้ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังยอมรับว่าเป็น “Ram Ban” (มีประสิทธิผลมาก) ในการรักษาโรคนานาชนิด น้ำผึ้งสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
*** ปัจจุบันวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
แม้น้ำผึ้งจะมีรสหวาน ถ้ารับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นยาชนิดหนึ่ง ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ป่วยเบาหวาน
*** หนังสือ World Weekly News ของแคนาดา ประจำวันที่ 17 มกราคม 1995 ได้บอกถึงสรรพคุณของ
น้ำผึ้งกับอบเชยว่ารักษาโรคใดได้บ้าง ซึ่งเป็นผลการวิจัยของนัก
วิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกดังนี้ :-
*** 01. โรคหัวใจ
*** นำน้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยแล้วป้ายขนมปังแทนเยลลี่
และแยม ทานเป็นประจำเป็นอาหารเช้าจะช่วยลดคอเรสเตอรอลในเส้นเลือดและช่วยลดอาการหัวใจวาย สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ถ้ารับประทานตามที่แนะนำมานี้เป็นประจำก็จะทำให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจทุเลา
ถ้าคนปกติรับประทานเป็นประจำดังกล่าวมาก็จะทำให้ระบบหายใจ
ดีขึ้น การเต้นหัวใจแข็งแรงขึ้น ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา สถานดูแลผู้ป่วยหลายแห่งใช้วิธีนี้บำบัดคนไข้ได้ผลดี และค้นพบต่อไปอีกว่า
*** เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เส้นโลหิตแดงและโลหิตดำขาดความยืดหยุ่นและอุดตันได้ง่าย
*** น้ำผึ้งกับอบเชยสามารถฟื้นฟูเส้นโลหิตทั้งสองชนิดได้
*** 02. โรคปวดข้อปวดกระดูก (Arthritis)
ผู้ป่วยโรคปวดข้อปวดกระดูกอาจจะรับประทานเป็นประจำ
*** โดยชงน้ำผึ้ง 2 ช้อน กับผงอบเชย 1 ช้อนชาในน้ำร้อนขนาดถ้วยกาแฟทุกเช้า
และเย็นก็จะทำให้อาการปวดทรมานหายได้ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย
โคเปนฮาเกนพบว่าหมอให้คนไข้ รับประทาน
*** น้ำผึ้งขนาด2ช้อนโต๊ะกับผงอบเชยขนาดครึ่งช้อนชา ก่อนอาหารเช้า พบว่าในเวลา 1 สัปดาห์ คนไข้จำนวน 73 คนจากจำนวนทั้งหมด 200 คน ที่เข้าร่วมโครงการทดลอง
มีอาการปวดลดลง เมื่อทดลองต่อไปจนครบ 1 เดือนปรากฏว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่เดินไม่ได้สามารถเดินได้เองโดยไม่มีอาการปวดแต่อย่างใด
*** 03. โรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ (Bladder Infections)
*** ให้ใช้ผงอบเชย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงในน้ำอุ่น 1 แก้วแล้วดื่ม มันจะไปฆ่าเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
*** 04. คอเลสเตอรอล
(Cholesterol)
*** ชงน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย 3 ช้อนชาในน้ำชา ขนาด 16 ออนซ์ ให้คนไข้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงดื่ม ปรากฏว่าภาย
ในเวลา 2 ชั่วโมง ระดับคอเลสเตอ รอลลดลง 10 เปอร์เซ็นต์
ดังที่ได้กล่าวถึงคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคปวดข้อ ถ้าให้คนไข้ดื่มวันละ 3 เวลา คอเลสเตอรอลจะหายเป็นปกติได้
ตามข้อมูลที่อ่านจากนิตยสารนี้กล่าวว่าการดื่มน้ำผึ้งบริสุทธิ์
พร้อมอาหารเป็นประจำทุกวันช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
*** 05. ไข้หวัด (Colds)
สำหรับผู้ที่มีอาการทรมานจากไข้หวัดทั่วไป หรือไข้หนัก
*** ควรชงน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย ¼ ช้อน ทุกวัน เป็นเวลา 3 วัน ก็จะช่วยลดอาการไอรุนแรงและจมูกโล่ง
*** 06. อาการท้องอืด
*** ให้รับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยจะช่วยให้อาการปวดท้องทุเลา และยังช่วยลดอาการแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย
*** 07. ลมในกระเพาะ (Gas)
*** ผลการศึกษาในอินเดียและญี่ปุ่นพบว่าถ้ารับประทานน้ำผึ้งกับผงอบเชยจะช่วยลด
ลมภายในกระเพาะอาหารลงได้
*** 08. ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย (Immune System)
*** การรับประทานน้ำผึ้งผสมผงอบเชยประจำวันจะช่วยเพิ่ม
*** ภูมิคุ้มกันร่างกายให้เข้มแข็ง ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นักวิทยาศาสตร์พบว่าในน้ำผึ้ง
*** มีวิตามินหลายชนิดและธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก การรับประทานน้ำผึ้งประจำ
ยังเพิ่มเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้
*** 09. อาหารไม่ย่อย
*** โรยผงอบเชยลงบนน้ำผึ้งขนาด 2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารจะช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารและช่วยให้การย่อยอาหารเมื้อหนักได้ดี
*** 10. ไข้หวัดใหญ่
*** นักวิทยาศาสตร์สเปนได้พิสูจน์น้ำผึ้งประกอบด้วยสารอาหารธรรมชาติที่ทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่
และช่วยให้ผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่
*** 11. ยาอายุวัฒน
อาหารที่มีพลังงานสูง
*** การดื่มชาที่ผสมน้ำผึ้งกับผงอบเชยเป็นประจำช่วยชะลอความชรา
*** วิธีการทำคือ ใช้น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ผงอบเชย 1 ช้อน น้ำเปล่า 3 ถ้วย แล้วนำไปต้มเหมือนชา ให้ดื่ม ¼ ถ้วยวันละ 3-4 เวลา จะช่วยให้ผิวหนัเปล่งปลั่ง
นุ่มมีน้ำมีนวล ช่วยทำให้อายุยืน อาจถึง 100 ปีให้เริ่มต้นตั้งแต่อายุราว 20 ปี
*** 12. แก้สิว
*** ผสมน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ กับผงอบเชย 1 ช้อนชาให้เข้ากัน แล้วป้ายบนหัวสิวก่อนนอนแล้วล้างออกในวันรุ่งขึ้นด้วยน้ำอุ่น ถ้าปฏิบัติติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก็จะสามารถกำจัดหัวสิวได้
*** 13. ผิวหนังติดเชื้อ
*** ใช้น้ำผึ้งผสมกับผงอบเชยปริมาณเท่าๆ กันทาบริเวณที่ติดเชื้อ
*** จะช่วยรักษาเรื้อนกวาง (eczema) กลากและโรคผิวหนัง
ชนิดต่างๆ ได้
*** 14. ลดน้ำหนัก
*** ดื่มน้ำผึ้งผสมผงอบเชยในน้ำร้อน ทุกๆเช้าก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงขณะท้องว่างและก่อนนอนทุกคืน ถ้าทำเป็นประจำจะช่วยลดน้ำหนัก แม้คนที่อ้วนมากๆ
*** เช่นเดียวกัน ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่กล่าวมานี้
จะช่วยไม่ให้ไขมันสะสมในร่างกาย
*** 15. โรคมะเร็ง
*** ผลการวิจัยในญี่ปุ่นและออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้พบว่า
*** ผู้ที่เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระดูกในขั้นมากๆ แล้วสามารถรักษาได้สำเร็จ ผู้ป่วยที่ได้รับความทรมานจากมะเร็งดังกล่าว
*** ควรดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมผงอบเชย 1 ช้อนชาเป็นประจำ 3 เวลา ประมาณ 1 เดือน
*** 16. แก้อาการอ่อนเพลีย (Fatigue)
*** ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าน้ำตาลในน้ำผึ้งมีประโยชน์มากในการ
เพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย ในผู้สูงวัยที่รับประทานน้าผึ้งกับผงอบเชยในปริมาณเท่าๆ กัน ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าและมีร่างกายที่ยืดหยุ่น
*** ดร. มิลตัน ที่ศึกษาเรื่องนี้ กล่าวว่า การดื่มน้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะ
ในแก้วหนึ่งแก้ว โรยด้วยผงอบเชยเป็นประจำหลังแปรงฟันและตอนบ่ายราวๆ
15.00 น. เมื่อร่างกายเริ่มล้า จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมี
ชีวิตชีวาใน 1 สัปดาห์
*** 17. ขจัดลมหายใจมีกลิ่น (Bad Breath)
*** ชาวอเมริกาใต้ ตื่นนอนตอนเช้า สิ่งที่เขาทำอันดับแรกคือ
*** กลั้วคอด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้ง 1 ช้อนชากับผงอบเชยในน้ำร้อน เพื่อให้ลมหายใจสดชื่นตลอดวัน
*** 18. สูญเสียการได้ยินกลับคืนมา (Hearing Loss)
*** การรับประทานน้ำผึ้ง และผงอบเชยผสมกันในปริมาณเท่าๆ กันเป็นประจำทุกเช้า
และก่อนนอนจะช่วยให้การได้ยินกลับมาเหมือนเดิม
*** วค.15 กันยายน 2557
อาจารย์นิพนธ์อายุ 83 ปีแล้ว ท่านดื่มเป็นประจำ สุขภาพแข็งแรงมากค่ะ วิจัยล่าสุดพบว่า ลดความดันได้ด้วย
sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1sparkling 1
Cr.พระสุรแสน
วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560
เซลล์สมองที่ถูกลืม >> แรงผลักดันให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข!!
Mirror Neurons หรือเซลล์สมองกระจกเงา คือเซลล์สมองกลุ่มที่ทำให้เราหาวตามคนที่หาว หรือเศร้าตามคนอื่น
ซึ่งช่วยให้มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับความเข้าใจ รู้จักเห็นอกเห็นใจ และพร้อมจะช่วยเหลือกัน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้คือแรงผลักดันให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ทำไมเวลาเพื่อนหาว คุณมักจะหาวตามไปติดๆ
ทำไมแค่เห็นคนตรงข้ามหยีหน้าด้วยความเปรี้ยวของอาหาร คุณก็รู้สึกน้ำลายสอตามไปด้วย
ทำไมเวลาตัวละครโปรดร้องไห้ คุณถึงรู้สึกโหวงที่อกซ้าย ทั้งที่มันเป็นเพียงเรื่องสมมติ
ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้อธิบายได้จากการทำงานของเซลล์สมองกลุ่มหนึ่งซึ่งซุกซ่อนตัวอยู่ในสมองส่วนหน้า เซลล์สมองกลุ่มนี้ถูกค้นพบด้วยความบังเอิญราวสิบกว่าปีก่อน
เมื่อนักวิจัยชาวอิตาเลียนนำไอศกรีมเข้ามารับประทานในห้องทดลอง ซึ่งมีกลุ่มลิงที่ถูกติดเครื่องมือวัดคลื่นสมองนั่งมองตาปริบๆ
‘แกรก แกรก แกรก’ คลื่นสมองของลิงกระตุกเป็นระยะๆ ตามจังหวะการเลียไอศกรีมของนักวิจัย สมองส่วนกินของเจ้าลิงถูกกระตุ้นราวกับพวกมันได้กินไอศกรีมไปด้วยจริงๆ
ปรากฏการณ์ในสมองของเจ้าลิงจุดประกายให้บรรดานักวิจัยสืบค้นต่อไปจนพบว่ามีเซลล์สมองกลุ่มหนึ่งถูกกระตุ้นเมื่อเจ้าลิงเห็นภาพ และสะท้อนภาพที่เห็นไปยังสมองส่วนอื่น ทำหน้าที่ราวกับเป็นกระจกเงาสะท้อน
เมื่อเจ้าลิงเห็นเพื่อนเต้นรำ สมองส่วนเต้นรำของมันก็ถูกกระตุ้นตาม เมื่อเจ้าลิงเห็นเพื่อนเจ็บปวด สมองส่วนเจ็บปวดก็ถูกกระตุ้นไปด้วย นักวิจัยจึงตั้งชื่อให้กับเซลล์สมองส่วนนี้ว่า Mirror Neurons หรือเซลล์สมองกระจกเงา
จากลิงมาสู่คน งานวิจัยพบว่าในคนเองก็มีเซลล์สมองกระจกเงาเช่นกัน เซลล์เหล่านี้พร้อมจะกระตุ้นสมองส่วนควบคุมกล้ามเนื้อ เมื่อเราเห็นภาพคนเคลื่อนไหวก็พร้อมจะกระตุ้นสมองส่วนอารมณ์
เมื่อเราเห็นภาพสะเทือนใจที่ตรงกับประสบการณ์ในอดีต เซลล์สมองกระจกเงาเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่เบื้องหน้าได้ง่ายขึ้น
นั่นหมายความว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ได้เป็นเพียงเรื่องนามธรรม แต่มีความเป็นรูปธรรมถึงในระดับเซลล์ที่ทุกคนมีอยู่ในสมองตั้งแต่กำเนิด
แต่ละหน้าที่ของเซลล์ในร่างกายเราล้วนมีเหตุผลที่ตอบโจทย์การดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ เซลล์สมองกระจกเงาก็เช่นกัน
นักวิวัฒนาการบางกลุ่มเชื่อว่าเซลล์สมองกลุ่มนี้มีส่วนช่วยให้มนุษย์รู้จักการเลียนแบบพฤติกรรมและส่งต่อทักษะการดำรงชีพต่างๆ จากลิงตัวแรกที่รู้จักหยิบจับหินมาเป็นเครื่องมือ
ทักษะนั้นถูกส่งต่อไปทั้งเผ่าพันธุ์ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือเซลล์สมองกลุ่มนี้ช่วยให้มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับความเข้าใจ รู้จักเห็นอกเห็นใจ และพร้อมจะช่วยเหลือกัน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้คือแรงผลักดันให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ทันทีที่นิ้วก้อยขวาของหมอเคาะตัว ข.ไข่ ในคำว่า ‘สงบสุข’ ความเอ๊ะ! ก็ปรากฏขึ้นในสมอง พร้อมอาการแย้งในใจขึ้นมาว่า การอยู่ร่วมกันของมนุษย์เราในปัจจุบันนั้น
หาความสงบสุขได้ไม่ง่ายเลย ทั้งที่เราเกิดมาพร้อมกับเซลล์สมองที่พร้อมจะเข้าใจและเห็นใจคนอื่น แต่เรากลับใช้สมองส่วนอื่นจนลืมที่จะใช้งานสมองส่วนนี้
ความหมางเมินระหว่างมนุษย์เรากับเซลล์สมองส่วนกระจกเงาอาจเกิดจากการที่เทคโนโลยีในปัจจุบันเอื้อให้เรามีหลายสิ่งชวนให้เบี่ยงเบนความสนใจ
สัญญาณการรับรู้ที่ส่งผ่านประสาทสัมผัสอย่างตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจนั้นไม่ได้ถูกส่งมาจากสิ่งรอบตัวเบื้องหน้า
แต่กลับถูกส่งผ่านสัญญาณดิจิทัลจากที่ไกลแสนไกลออกไป หลายครั้งที่เราพร้อมจะสนใจเรื่องราวของคนไม่รู้จักในมือถือมากกว่าการเคลื่อนไหวของคนรู้จักที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
และหลายคราที่เราคิดวิเคราะห์ในเรื่องของคนที่ไม่ได้มีวงจรชีวิตเกี่ยวข้องกับเราเลยมากกว่าที่จะคิดถึงคนในครอบครัว
เซลล์สมองไม่ต่างกับกล้ามเนื้อแต่ละมัดในร่างกาย กล้ามเนื้อมัดไหนที่ได้รับการฝึกฝนบ่อยก็จะแข็งแรง ตอบสนองได้ดี ในขณะที่กล้ามเนื้อมัดที่ไม่ค่อยได้รับการใช้งานก็จะฝ่อ ฟีบ และหมดความสำคัญไปในที่สุด
ถ้าเราทุกคนต่างฝึกเซลล์สมองกระจกเงาให้สะท้อนสัญญาณมากกว่าการหาว การหิว หรือการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ฝึกสังเกตและจับสัญญาณให้ละเอียดเพื่อให้กระจกเงานั้นฉายภาพลึกลงไปในความรู้สึกและอารมณ์ของคนรอบข้าง
สะท้อนให้เราได้คุ้นชินกับการ ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ อย่างที่เราเคยทำมาแต่เก่าก่อน
พวกเราอาจจะเข้าใจกันและกัน… มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
Cr.https://thestandard.co/opinion-read-young-mirror-neurons/
วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
...มะม่วงหาว มะนาวโห่....
...มะม่วงหาว มะนาวโห่....
😊😊😊
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ผล
– ผลสุกสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้
– สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
– มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็งและชะลอความแก่
– มีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระชุ่มกระชวย
– ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด
– ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคถุงลมโป่งพอง
– ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคตับ
– ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์และไทรอยด์
– ช่วยบรรเทาอาการมือเท้าชา
– ช่วยบรรเทาอาการของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
– ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยลดอาการไอ
– มีส่วนช่วยลดอาการภูมิแพ้
– ผลสุกมีวิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
– ผลมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ
– สามารถช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล
– ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ใบและยอดอ่อน
– แก้อาการเจ็บคอ รักษาแผลในปากเจ็บในปาก
– ช่วยลดอาการไข้
– มีสรรพคุณแก้อาการท้องเสีย
– มะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคลมชัก
– มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคบิด
– สามารถช่วยไข้มาลาเลีย
– แก้อาการปวดในช่องหู
– มีสรรพคุณช่วยรักษาริดสีดวงทวาร
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ราก
– ช่วยบรรเทาอาการไข้ ช่วยถอนพิษไข้
– มีประโยชน์ช่วยดับพิษร้อน
– มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร
– ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยขับพยาธิได้หลายชนิด
– ช่วยรักษาอาการคันตามผิวหนัง
– รากมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาแผลเบาหวาน
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ลำต้นและเนื้อไม้
– มีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายแข็งแรง กระปรีกระเปร่า
– มีประโยชน์แก้อาการอ่อนเพลียและเมื่อยล้า
– ช่วยบำรุงกำลังและร่างกาย ทำให้มีกำลังวังชาดี
– ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยบำรุงธาตุ ทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล
– สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่นขึ้น
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ยาง
– สามารถใช้เป็นยาช่วยรักษาโรคเท้าช้าง
– มีสรรพคุณช่วยสมานแผลและรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
– ยางมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษากลากเกลื้อน
– สามารถช่วยรักษาหูดได้
– มีประโยชน์ช่วยรักษาตาปลา
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่นั้นมีมากมาย สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วน แต่มะม่วงหาวมะนาวโห่นั้นปัจจุบันหารับประทานยากซักหน่อย เพราะไม่ค่อยมีคนนิยมปลูกกันมากนัก…
Cr.F.Sagol Jeraja
😊😊😊
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ผล
– ผลสุกสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้
– สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
– มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็งและชะลอความแก่
– มีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระชุ่มกระชวย
– ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด
– ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคถุงลมโป่งพอง
– ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคตับ
– ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์และไทรอยด์
– ช่วยบรรเทาอาการมือเท้าชา
– ช่วยบรรเทาอาการของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
– ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยลดอาการไอ
– มีส่วนช่วยลดอาการภูมิแพ้
– ผลสุกมีวิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
– ผลมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ
– สามารถช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล
– ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ใบและยอดอ่อน
– แก้อาการเจ็บคอ รักษาแผลในปากเจ็บในปาก
– ช่วยลดอาการไข้
– มีสรรพคุณแก้อาการท้องเสีย
– มะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคลมชัก
– มีประโยชน์ช่วยรักษาโรคบิด
– สามารถช่วยไข้มาลาเลีย
– แก้อาการปวดในช่องหู
– มีสรรพคุณช่วยรักษาริดสีดวงทวาร
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ราก
– ช่วยบรรเทาอาการไข้ ช่วยถอนพิษไข้
– มีประโยชน์ช่วยดับพิษร้อน
– มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร
– ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยขับพยาธิได้หลายชนิด
– ช่วยรักษาอาการคันตามผิวหนัง
– รากมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษาแผลเบาหวาน
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ลำต้นและเนื้อไม้
– มีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายแข็งแรง กระปรีกระเปร่า
– มีประโยชน์แก้อาการอ่อนเพลียและเมื่อยล้า
– ช่วยบำรุงกำลังและร่างกาย ทำให้มีกำลังวังชาดี
– ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ช่วยบำรุงธาตุ ทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล
– สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่นขึ้น
ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่ – ยาง
– สามารถใช้เป็นยาช่วยรักษาโรคเท้าช้าง
– มีสรรพคุณช่วยสมานแผลและรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
– ยางมะม่วงหาวมะนาวโห่มีประโยชน์ช่วยรักษากลากเกลื้อน
– สามารถช่วยรักษาหูดได้
– มีประโยชน์ช่วยรักษาตาปลา
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่นั้นมีมากมาย สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วน แต่มะม่วงหาวมะนาวโห่นั้นปัจจุบันหารับประทานยากซักหน่อย เพราะไม่ค่อยมีคนนิยมปลูกกันมากนัก…
Cr.F.Sagol Jeraja
วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560
หญ้าใต้ใบ สมุนไพรแก้ไข้ ใกล้ตัว
หญ้าใต้ใบ สมุนไพรแก้ไข้ แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง
ชื่ออื่นๆ : มะขามป้อมดิน ไฟเดือนห้า หมากไข่หลัง หมากใต้ใบ ลูกใต้ใบ ฯลฯ สรรพคุณทั้งต้น แก้ไข้ทุกชนิด ขับปัสสาวะ รักษาริดสีดวงทวาร กามโรค ปวดท้องดีซ่าน ท้องเสีย และบิด ลดความดันโลหิต
โดยนำต้นสดๆ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยครึ่ง ดื่มครั้งละครึ่งถ้วย ใบอ่อน แก้ไอสำหรับเด็ก ปรุงเป็นยาแก้อักเสบ แก้โรคตับ ตัวเหลือง ตาเหลือง คุมเบาหวานได้ดี ตำพอกรักษาแผลอักเสบให้แห้งเร็ว
หมอยาจีนเชื่อว่า ช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน หมอพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดียมีความเชื่อว่า หญ้าใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง
ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะเป็นยาขับประจำเดือน
** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **
อ้างอิง...มูลนิธิหมอชาวบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.share-si.com/2016/05/blog-post_450.html?m=1
ชื่ออื่นๆ : มะขามป้อมดิน ไฟเดือนห้า หมากไข่หลัง หมากใต้ใบ ลูกใต้ใบ ฯลฯ สรรพคุณทั้งต้น แก้ไข้ทุกชนิด ขับปัสสาวะ รักษาริดสีดวงทวาร กามโรค ปวดท้องดีซ่าน ท้องเสีย และบิด ลดความดันโลหิต
โดยนำต้นสดๆ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยครึ่ง ดื่มครั้งละครึ่งถ้วย ใบอ่อน แก้ไอสำหรับเด็ก ปรุงเป็นยาแก้อักเสบ แก้โรคตับ ตัวเหลือง ตาเหลือง คุมเบาหวานได้ดี ตำพอกรักษาแผลอักเสบให้แห้งเร็ว
หมอยาจีนเชื่อว่า ช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน หมอพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดียมีความเชื่อว่า หญ้าใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง
ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะเป็นยาขับประจำเดือน
** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **
อ้างอิง...มูลนิธิหมอชาวบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.share-si.com/2016/05/blog-post_450.html?m=1
วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559
กระจ่างซะที!! เผยความลับ "ซักผ้าขาว" ของร้านซักรีด ให้ผ้าเก่ากลับมาเป็นผ้าใหม่ ผลที่ได้ประหยัดเงินสุดๆ แชร์เก็บไว้เลย!?
คงไม่มีใครอยากจะใส่เสื้อนักเรียนที่มีคราบเหลือง ๆ หรือขาวแบบหม่นไปโรงเรียนแน่ๆ เลยงอแงขอเสื้อตัวใหม่กันใหญ่ เอาเป็นว่าพ่อ-แม่ที่อยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็สามารถทำตามคำขอของลูก ๆ ได้ง่าย ๆ
เพียงแค่นำสูตรซักเสื้อขาวเหล่านี้ไปซักชุดนักเรียนตัวเก่าให้ลูก ๆ นำไปใส่ในวันเปิดเทอม รับรองว่าเสื้อนักเรียนที่เคยมีคราบหรือดูหมอง ๆ จะกลับมาขาววิ้งเหมือนใหม่ ลูกใส่แล้วไม่อายเพื่อนที่โรงเรียนแน่นอน
วิธีการซักผ้าขาว
1. สูตรน้ำมะนาว
รสชาติเปรี้ยวเข็ดฟันของน้ำมะนาวนี่แหละ คือตัวช่วยดี ๆ ที่ทำให้ผ้าขาวกลับมาขาวสดใสได้อีกครั้ง โดยการผสมน้ำมะนาว ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก แล้วนำเสื้อมาแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือ 1 คืนก่อนนำไปซักตามวิธีปกติอีกครั้ง
2. สูตรน้ำส้มสายชู
สูตรนี้ให้ทำหลังจากซักเสร็จแล้ว โดยให้นำเสื้อมาซักน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่าอีกครั้ง ก่อนนำไปตากให้โดนแดด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผ้าขาวกลับมาใหม่และทำลายคราบหมองจนเกลี้ยง
3. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
หากผ้าขาวมีคราบเลอะจนทำให้เกิดคราบหมอง ให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ½ ถ้วยตวง กับเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำเปล่าอีก 1 ถ้วยตวง เพื่อนำมาซักกับผ้าขาวแทนการใช้ซักผงฟอกตามปกติ
4. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กันน้ำยาล้างจาน
อีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ในการกำจัดคราบที่เป็นสาเหตุทำให้ผ้าขาวหม่นหมอง ด้วยการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ส่วนต่อน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน เทลงบนคราบ แล้วขยี้จนกว่าคราบจะหายไป ก่อนนำไปซักตามปกติอีกครั้ง
5. สูตรสารฟอกขาว
นำสารฟอกขาวชนิด คลอรีน บลีช (Chlorine bleach) มาผสมกับน้ำเปล่าตามขั้นตอนที่ฉลากกำกับไว้ แล้วแช่ผ้าขาวทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนนำไปซักคราบออกให้เกลี้ยงเกลา
6. สูตรแอมโมเนีย
แอมโมเนียช่วยให้ผ้าขาวคุณขาวสะอาดได้เหมือนกัน โดยการผสมแอมโมเนียมาผสมกับน้ำเปล่าให้เจือจาง แล้วนำไปซักผ้าขาวพร้อมผงซักฟอก แต่มีข้อแม้ว่าอย่าผสมแอมโมเนียกับผงซักฟอกโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้
7. สูตรกรดซาลิก
หากผ้าขาวสะอาดเลอะคราบสนิมเหล็ก กำจัดคราบออกได้ โดยผสมกรดซาลิกประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ป้ายส่วนผสมที่ได้ลงบนคราบแล้วขยี้ แต่ถ้ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่ แนะนำให้ซักด้วยแอมโมเนียซ้ำอีกครั้ง แต่วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกรดซาลิกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้
8. สูตรเบกกิ้งโซดา
นอกจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยทำความสะอาดบ้านได้แล้ว ยังทำให้ผ้าขาวเหมือนใหม่ได้อีกด้วย โดยการเทเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนนำผ้าขาวมาซักทำความสะอาดตามปกติ ผ้าขาวของคุณก็จะขาวสะอาดเหมือนใหม่เลยล่ะ
9. สูตรบอแรกซ์และน้ำส้มสายชู
สูตรนี้เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มพลังกำจัดคราบได้อีกทางหนึ่ง เริ่มจากผสมบอแรกซ์ ½ ถ้วยตวงเข้ากับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง เทผสมลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนซักผ้าขาวตามปกติ
10. สูตรน้ำซาวข้าว
รู้หรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวที่เราเททิ้งนั้นมีประโยชน์มาก เพราะมันสามารถซักผ้าขาวของเราให้ขาวสะอาดได้ด้วยนะ โดยนำผ้าขาวไปซักแล้วแช่ไว้ในน้ำซาวข้าวผสมน้ำเปล่าประมาณ 2-3 นาที แล้วค่อยนำผ้าขาวมาซักอีกครั้ง
แม้ผ้าขาวของคุณจะหม่นหมองหรือเลอะคราบเปื้อนแค่ไหน สูตรซักผ้าขาวเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้ผ้าขาวของคุณกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินซื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สิ้นเปลืองเลย
Cr.http://www.siamvariety.com/view-13624.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)